เป็นคำถามที่โดนถามบ่อยมาก เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนถ่ายรูปเยอะ(มาก)
วันนี้เจอจังๆกับตัวอีกครั้งตอนไปถ่ายรูปที่วัดภุมรินทร์ราชปักษีที่ฝั่งธน
ถ้าถามว่าทำไมถึงถ่ายเยอะแยะ
ถ้าตอบว่าชอบถ่าย ก็จะโดนหาว่ากวนอวัยวะเบื้องล่างอีก
ก็จะขอตอบตรงๆละกัน
ว่า "ถ่ายรูปไว้ใช้งาน"
ด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยว โดยเฉพาะวัด วัง โบราณสถาน การถ่ายรูปจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้
แม้บางทีจะไปโดยตั้งใจ หรือโดยไม่ตั้งใจ ก็ขอถ่ายไว้ก่อน
เพราะเราไม่รู้ว่า สิ่งที่เราเห็นกับตาตอนนี้จะอยู่กับเราไปอีกเมื่อไหร่ จะถูกบูรณะเมื่อไหร่ จะเพี้ยนไหม จะเปลี่ยนไหม
เลยต้องถ่ายรูปไว้ อย่างน้อยก็นอกจากจะเป็นหลักฐานในความทรงจำว่า ฉันเคยมา ฉันเคยเห็นสภาพนี้กับตาแล้ว
ก็ยังมีหลักฐานภาพถ่ายเพื่อบอกให้รู้ว่า เราเคยเห็นจริงๆ
เพราะส่วนใหญ่รูปที่ถ่าย ไม่ค่อยมีรูปตัวเอง
รู้สึกว่าเป็นคนถ่ายรูปไม่ขึ้น เป็นคนที่ยิ้มแล้วจะดูแปลกๆตลกๆ เวลาถ่ายรูปตัวเองเลยชอบทำหน้านิ่งๆบึ้งๆ ไม่ก็ทำหน้าฮาไปเลย
ช่วงนี้พยายามฝึกยิ้ม ก็ยังรู้สึกว่าตลกอยู่ดี
แต่ส่วนตัวกลับชอบถ่ายรูปคนอยู่พอสมควร
ไม่ใช่ถ่ายแบบตั้งตัว แต่ออกแนว Candid Camera
รู้สึกว่ามันจะดูเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง เป็นภาพในช่วงเวลาที่ผ่านไปได้ในพริบตาเดียวและไม่มีซ้ำสอง แม้ส่วนใหญ่มักจะดูตลกไม่ก็ดูแย่ก็ตาม
แต่หลังจากได้อ่านและได้ฟังคำพูดคำหนึ่งว่า
"เมื่อไปถึงแหล่ง ขอให้ฟังผมพูดสรุปก่อน และเมื่อฟังประเด็นต่างๆเสร็จแล้วค่อยไปถ่าย จะได้รู้ว่าจะถ่ายอะไร ถ่ายทำไม มีประเด็นอะไรถึงต้องถ่าย ไม่ใช่ถ่ายอย่างเดียว แล้วไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร"
เป็นคำที่มีความหมายกับผมเยอะเลย
เพราะถึงแม้แต่เดิมจะถ่ายแบบมีสาระ มีข้อสังเกต แต่ก็รู้สึกว่าหลายครั้งตัวเองก็เป็นคนถ่ายพร่ำเพรื่อ บางทีถ่ายก็จำไม่ได้ว่าถ่ายอะไร มุมไหน กลับมาที่บ้านแรกๆก็จำได้ ผ่านไปก็ลืมเอง
ยังเจ็บใจตัวเองจนทุกวันนี้เลยว่า ทำไมตอนนั้นไม่ทำอย่างนั้นบ้าง
เดี๋ยวนี้ก่อนจะถ่ายอะไรก็มักจะต้องมองให้ดี มองให้ละเอียดขึ้น ไม่ว่าจะไปกับอาจารย์ กับเพื่อน หรือไปคนเดียว ก็จะต้องดูให้เรียบร้อยก่อน จัดลำดับในหัวให้เรียบร้อยก่อนจะถ่าย
แล้วคุณละ เวลาถ่ายรูป คุณถ่ายแบบไหน
และลองถามตัวเองให้ชัดๆว่า
ถ่ายทำไม
อาวุธประจำตัวชิ้นปัจจุบัน พร้อมเลนส์เปลี่ยนอีกหนึ่งตัว แบตอีกสอง เมมอีกสาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น