วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บันทึกความสงสัย : Why ห้ามถ่าย

สำหรับเราๆท่านๆผู้ชื่นชอบการถ่ายรูป แม้คุณจะถ่ายรูปมามากเท่าไหร่
ศัตรูตัวฉกาจของนักถ่ายรูป นั่นก็คือ
"การห้ามถ่ายรูป"

ไม่ว่าจะมาในรูปของป้ายเตือน คำพูดจากคนที่นั่นตาม

แต่เมื่อเผชิญเข้าไป ต่อให้คุณมีกล้องที่ดีขนาดไหนก็หมดสิทธิ์(ยกเว้นคุณจะใช้วิธีหาคนยืนบัง หรือซูมจากระยะไกล เอ๊ะ นี่เราชี้ช่องอะไรรึเปล่านี่)

ส่วนเหตุผลที่ห้ามถ่ายก็หลากหลาย
โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของความปลอดภัย กลัวจะสูญหาย ถูกขโมย
แต่นอกจากนี้ก็ยังมีเหตุผลที่ออกแนวไร้สาระหรือชวนให้เกิดเครื่องหมาย ??? ขึ้นในหัวเหมือนกัน
เช่น ห้ามถ่ายภาพจิตรกรรมเพราะผู้ใหญ่สั่งห้ามไว้ หรือห้ามถ่ายจิตรกรรมเพราะกลัวภาพจะเสียหาย

คือ เท่าที่พอรู้ จิตรกรรมฝาผนัง ถ้าไม่ไปจับตรงๆ หรือใช้แฟลชยัดใส่ในระยะใกล้ๆมันก็ไม่ได้สึกหรอหรอกครับผม

หรืออย่างบางที่ เคยถ่ายได้ วันดีคืนดีจู่ๆก็ห้ามถ่ายซะอย่างนั้น 
คือนอกจากจะ "เงิบ" แล้ว ยัง "เสียความรู้สึก" ด้วย

เพราะด้วยสถานภาพปัจจุบันที่เป็นนักศึกษาต้องทำรายงาน บางครั้งต้องเดินทางไปถ่ายรูปแบบฉุกละหุก จะมาทำหนังสือแจ้งเรื่องบางทีก็ไม่ทันส่งงาน ก็มาตัวเปล่า พอเจอแบบนี้เข้าก็เสียเซลฟ์เหมือนกัน

แต่ก็โอเค ผมถือว่ากฎต้องเป็นกฎ การแหกกฎเป็นเรื่องไม่ดี(แต่บางครั้งก็แหกนะ เพื่อประโยชน์ของงานตัวเอง ดูแอบเลวนิดๆ) แต่บางครั้งก็รู้สึกว่า กฎที่มันเข้มงวดเกินไปก็ทำให้อะไรๆมันดูแข็ง มันดูกระด้างไปสักหน่อย 

เพราะถ้าอีกฝ่ายมีเหตุให้ต้องใช้จริงๆ จะอะลุ่มอล่วยบ้าง ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร

หลายคนอาจจะคิดว่า เฮ้ย ดูเห็นแก่ตัวไปไหม ไปถึงก็จะเอาจะถ่ายอย่างเดียวเลยหรือไง

บอกตามตรงว่าในบางครั้งก็จำเป็นต้องเห็นแก่ตัวครับ เพราะข้อมูลบางอย่างบางครั้งไม่ได้ว่าจะเข้าถึงได้ง่ายๆ
และบางครั้งที่ได้รับโอกาสให้เข้าไปถ่ายในสิ่งบางอย่างที่เป็นของหวงหรือของสำคัญ ผมก็มีจรรยาบรรณพอที่จะไม่เผยแพร่ลงไปในสื่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น social หรือบางทีแม้แต่คนรู้จักก็ไม่รู้(ผมถือว่าคนเป็นสื่อสาธารณะอย่างหนึ่ง เพราะสามารถนำข้อความไปบอกต่อได้)

แต่เรื่องแบบนี้พูดยากครับ พูดไปเดี๋ยวไม่จบ

นานาจิตตังแล้วกันครับ


ที่มาภาพ : http://www.dmc.tv/images/I-like-English/560808-ep6-1.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น